ไขมันพอกตับ อาการ ที่แทบไม่ปรากฎให้เห็นให้ระยะแรก ภัยเงียบที่อันตรายที่หลายคนยังไม่รู้ โดยไขมันพอกตับเป็นโรคที่มีคนเป็นเยอะมากอันดับต้นๆ จากสถิติแล้ว ทุก 10 คน จะมีคนที่เป็นไขมันพอกตับได้ถึง 4 คนเลยทีเดียว อีกทั้งความน่ากลัวของโรคนี้ คือเป็นต้นตอที่ทำให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมาได้อีกมากมาย อันตรายแบบนี้ ต้องไปทำความรู้จักเพิ่มเติมกันหน่อยแล้วล่ะครับ
อาการไขมันพอกตับ ที่กลับเป็นสัญญาณอันตราย
แม้ว่าไขมันพอกตับ อาจดูเหมือนเป็นโรคที่อาการไม่ได้รุนแรง เพราะระยะแรกแทบไม่มีอาการบอกใบ้ให้รู้ตัว จึงเลือกที่จะปล่อยไว้ ไม่ได้ใส่ใจเท่าที่ควร แต่หารู้ไม่ ว่านี่แหละครับที่เป็นจุดเริ่มต้นของความหายนะในอนาคต งั้นมาสังเกตตัวเองกันดูครับ ว่าคุณมีอาการจากไขมันพอกตับอยู่หรือเปล่า
- อ่อนเพลีย ไร้เรี่ยวแรง แบบไม่ทราบสาเหตุ แม้จะรู้สึกว่าพักผ่อนมาเยอะแล้วก็ตาม เพราะตับทำงานไม่ปกติจนไม่สามารถแปลงสารอาหารเป็นพลังงานให้ร่างกายได้อย่างเต็มที่
- เบื่ออาหาร ทานไม่ลง น้ำหนักลด เพราะระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานผิดปกติ จนร่างกายเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ร่างกายนำน้ำตาลไปใช้ได้ไม่เต็มที่
- แน่นท้อง ท้องอืด แม้กินอาหารเข้าไปนิดเดียวก็รู้สึกแน่น นั่นเพราะตับเป็นตัวหลักในการหลั่งน้ำดีเพื่อย่อยอาหาร เมื่อตับทำงานได้ไม่ดี ก็ทำให้การย่อยอาหารเป็นไปแบบไม่ปกติ จึงทำให้เกิดอาการท้องอืด แน่นท้อง ขึ้นมาได้
- ปวดท้องด้านขวา หรือเจ็บที่ชายโครงด้านขวา ซึ่งเป็นที่อยู่ของตับ เพราะเมื่อตับเกิดการอักเสบหรือบวมขึ้น จึงทำให้เกิดการเจ็บที่จุดนี้นั่นเอง
- นอนไม่หลับ หลับไม่สนิท เพราะตับไม่ปกติ จึงทำให้การหลั่งระดับเมลาโทนินที่ช่วยเรื่องการนอนในร่างกายลดลง จนทำให้หลับได้ไม่สนิท
- คันตามผิวหนัง เนื่องจาก ตับไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ ทำให้เกิดการคั่งของน้ำดี จนส่งไปยังกระแสเลือดตามส่วนต่างๆจนทำให้เกิดการคันทางผิวหนังขึ้นนั่นเอง
ไม่บอกก็คงไม่รู้ ว่าคุณกำลังเจอกับโรคไขมันพอกตับ ก็ถึงเวลาที่คุณจะหันมาสังเกตตัวเอง สังเกตตับให้มากขึ้นแล้วล่ะครับ เพื่อไม่ให้ชีวิตของคุณก้าวเข้าสู่โรคตับในระยะที่ร้ายแรงรักษาไม่ทัน
โรคตับภัยไม่ลับ เกิดได้จากอะไร
ไขมันพอกตับ โรคที่เกิดได้แม้ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ แต่มีสาเหตุมากมายที่ทำให้เกิดไขมันพอกตับได้แบบที่คุณไม่รู้ตัว จะมีอะไรบ้าง มาดูกันครับ
- แอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ ไวน์ เป็นปัจจัยหลัก ที่ทำให้เกิดไขมันพอกตับ และยังลุกลามไปถึงขึ้น ตับอักเสบ ได้อีกด้วยเช่นกัน
- โรคอ้วน น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นไขมันพอกตับ ได้มากถึง 20% เลยทีเดียว
- คนที่เป็นโรคเบาหวาน จะมีความเสี่ยงที่จะมีระดับของไขมัน ไตรกลีเซอไรด์สูง จึงเสี่ยงต่อการเป็นไขมันพอกตับ ฉะนั้นใครเป็นเบาหวานอยู่ ต้องคอยตรวจไขมันพอกตับด้วยนะครับ
- ชอบกินของหวาน ของทอด ของมัน เป็นประจำ น้ำตาล ความมัน ที่อยู่ในอาหารเหล่านี้ ทำให้ไขมันสะสมในร่างกายมากขึ้น นอกจากพอกตามตัวแล้ว ยังมาจบที่การพอกที่ตับด้วย
- มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไร้บาลานซ์ เช่น มีความเครียดสูง ทำงานหนัก นอนดึก ไม่ออกกำลังกาย สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดภาวะไขมันพอกตับได้เช่นกัน
สิ่งเหล่านี้คือต้นเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิด ไขมันพอกตับอาการ ที่ดูเหมือนเบาแต่กลับอันตราย อย่าชะล่าใจ อย่ามองข้าม ถ้าไม่อยากให้โรคนี้เป็นฝันร้ายต่อสุขภาพคุณเอง
ไขมันพอกตับ ระยะเริ่มต้นสู่มะเร็ง
ความน่ากลัวของโรคตับ มันไม่ได้จบอยู่แค่ไขมันพอกตับเท่านั้นนะครับ ต้องบอกเลยว่านี่ยังเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะจริงๆแล้ว โรคตับ มีทั้งหมด 4 ระยะด้วยกัน ได้แก่
- ระยะที่ 1 ไขมันพอกตับ เกิดจากการที่ไขมันสะสมอยู่ที่ตับมากขึ้นเรื่อยๆ ระยะนี้อาจยังไม่แสดงอาการรุนแรง หลายคนจึงยังไม่รู้สึกถึงภัยอันตรายใดๆ จึงเรียกได้ว่าเป็น ภัยเงียบ ที่ซ่อนอยู่จริงๆ
- ระยะที่ 2 ตับอักเสบ เมื่อไขมันพอกตับมากขึ้น เซลล์ส่วนนั้นก็จะทำงานได้ไม่เต็มที่ ส่วนอื่นที่เหลือจึงต้องทำงานหนักขึ้น จนเกิดเป็นการอักเสบที่ตามมา หากทิ้งไว้ไม่รักษานานกว่า 6 เดือน ก็จะกลายเป็นความอักเสบเรื้อรังได้
- ระยะที่ 3 พังผืดที่ตับ เมื่ออักเสบเรื้อรังนานวันเข้า ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง จากที่ตับอักเสบ ก็จะเริ่มเปลี่ยนสภาพเป็นพังผืดที่ยึดเกาะตับไว้ การทำงานของตับก็จะลดลงไปอีกเท่าตัว เรียกว่าเข้าสู่กระบวนการร้ายแรง ยากที่จะแก้ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว
- ระยะที่ 4 ตับแข็ง หรือ มะเร็งตับ เรียกได้ว่าเป็นขั้นที่รุนแรงที่สุด เพราะตับถูกทำลายไปอย่างมาก จนไม่สามารถทำงานได้เหมือนเดิม จากการที่มีพังผืดเกาะ ก็บอกได้เลยว่าเป็นระยะที่ยากจะรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้
อย่าทิ้งให้ตับต้องเผชิญกับความร้ายแรง ระยะที่ 4 นะครับ เพราะนั่นเท่ากับว่า คุณจะหมดโอกาสในการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในชีวิตแล้ว เรียกได้ว่าแทบจะหมดหนทางจะแก้ไข อย่างนี้จะดีกว่าไหม? ถ้าคุณเริ่มดูแลตับตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ให้ชีวิตต้องเผชิญกับความอันตรายจากโรคตับ เพียงแค่เริ่มรักษาตั้งแต่ระยะแรกอย่างไขมันพอกตับ
ไขมันพอกตับรักษาตรงจุดก็หยุดได้ทัน
ไขมันพอกตับ อาการ ที่คุณเป็นสามารถรักษาได้ ไม่ว่าจะอยู่ในขั้นที่เพิ่งเริ่มเป็น อยู่ในภาวะที่เสี่ยงจะเป็น หรือแม้แต่ยังไม่เป็นก็ตาม วันนี้ เฮฟฟีก้า มีวิธีรักษาไขมันพอกตับมาบอกกัน ซึ่งเป็นวิธีที่ทุกคนสามารถทำด้วยตัวเองได้ง่ายๆ แต่อาจต้องใช้ความพยายาม และความสม่ำเสมอร่วมด้วยนะครับ
- ลด ละ เลิกการดื่มสุรา เพื่อให้ตับกลับมาทำงานดีมากยิ่งขึ้น เพราะแอลกอฮอล์ถือเป็นปัจจัยหลัก ที่ทำร้ายตับโดยตรง
- ลดการกินอาหารมันๆ ไม่ว่าจะเป็น ทอด หรือย่าง เพื่อลดการเพิ่ม ไขมันไตรกลีเซอไรด์ ให้ร่างกายนั่นเอง
- ลดการกินขนมหวาน น้ำหวาน แป้ง ที่มีปริมาณน้ำตาลสูง เพราะเมื่อน้ำตาลเข้าสู่ร่างกาย มันจะเปลี่ยนเป็นไขมัน และไปสะสมอยู่ที่ตับ เกิดเป็นภัยเงียบ ไขมันพอกตับ นั่นเอง
- หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเฉพาะออกกำลังบริเวณหน้าท้อง เป็นการลดไขมันตรงช่วงท้อง และจุดของตับได้ด้วย ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายอย่างหนักเลยล่ะครับ
- เลือกทานอาหารที่มีไขมันต่ำ แต่กากใยสูง อย่างเช่น ผักใบเขียว หรือผลไม้ที่ไม่หวานมาก ก็ช่วยทำให้ไขมันลดลง ร่างกายกลับมาแข็งแรงขึ้นได้ครับ
นี่แหละครับ คือวิธีง่ายๆในการดูแลตัวเอง ให้ห่างไกลจากไขมันพอกตับ รับรองได้ว่าหากคุณลองปรับพฤติกรรม และทำตามที่ เฮฟฟีก้า แนะนำมานี้ จะช่วยให้ภาวะไขมันพอกตับที่คุณมีดีขึ้น และช่วยให้คุณเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดไขมันพอกตับ หรือโรคตับอื่นๆ ในอนาคตได้อย่างแน่นอน
บอกลาไขมันพอกตับ ด้วยนวัตกรรมจากฝรั่งเศส
นอกจากวิธีดูแลไขมันพอกตับ ด้วยวิธีข้างต้นที่เราแนะนำแล้วนั้น ยังมีอีกหนึ่งตัวช่วยที่ถูกคิดค้นด้วยนวัตกรรมจากฝรั่งเศส และมีการยืนยันด้วยงานวิจัยทางการแพทย์ว่าเห็นผลในการช่วยดูแลตับได้จริง
เฮฟฟีก้า นวัตกรรมอาหารเสริมบำรุงตับจากฝรั่งเศส ด้วยสารสกัดจาก ซุปเปอร์ฟรุต แห่งเอเชียอย่าง “พรูนัส มูเม่” สารสกัดหนึ่งเดียว ลิขสิทธิ์เฉพาะของ เฮฟฟีก้า ซึ่งมีคุณสมบัติออกฤทธิ์เพื่อปกป้องตับของคุณได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุด พิสูจน์แล้วว่า ช่วยปกป้องเซลล์ตับ เข้าไปฟื้นฟู และ บำรุงตับ ได้ลึกถึงระดับเซลล์
- ล้างสารพิษในตับ
- ลดไขมันพอกตับ ลดการอักเสบของตับ ลดคอเลสเตอรอล และไขมันไตรกลีเซอไรด์
- ลดตัวกลางในการเกิดการอักเสบ ของเอนไซม์ตับทั้ง ALT และ AST
- ช่วยเพิ่มไขมันดี ลดไขมันเลว
- แก้อาการอ่อนเพลีย ท้องอืด นอนไม่หลับ เจ็บชายโครง
- ทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้น นอนหลับได้ลึกขึ้น ไม่อ่อนเพลียระหว่างวัน
สามารถทานติดต่อกันเพื่อบำรุงได้ ปลอดภัย ไม่ต้องกังวลถึงเรื่องของสารเคมี หรือสารตกค้างในร่างกายเลยครับ เพราะมีการวิจัยในคนจริง และได้รับการตีพิมพ์ลงทางวารสารทางการแพทย์อีกด้วย
มั่นใจได้มากขึ้น ด้วยรีวิวจากผู้ใช้จริง
คุณ ศิริรัตน์ ผู้ที่เคยเผชิญปัญหาจากไขมันพอกตับ ที่แม้ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ จนคุณหมอบอกว่าอยู่ในขั้นน่ากังวล เสี่ยงต่อมะเร็งตับ แต่ตับก็กลับมาดีได้ ด้วย เฮฟฟีก้า อาหารเสริมบำรุงตับ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ดูได้ในคลิปนี้เลยครับ