จากข่าวมลพิษในอากาศ ฝุ่นละออง PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตของผู้คนในกรุงเทพและปริมณฑล เป็นอย่างมาก แต่จะมีสักกี่คน ที่รู้ว่าเจ้า PM 2.5 ส่งผลร้ายไม่ใช่แค่ปอดแต่ตับก็ไม่รอดเช่นกัน

ฝุ่นละอองขนาดเล็ก จากมลพิษทางอากาศหรือ PM 2.5
มีขนาดเล็กกว่าเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผมเราถึง 25 เท่า ซึ่งเกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์จากท่อไอเสียรถยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม มีส่วนประกอบของปรอท แคดเมี่ยม และสารอันตรายอื่น ๆ อีกมากมายที่สามารถทำลายระบบภายในร่างกายและระบบประสาท ทำให้เป็นอัมพาต และอาจรุนแรงลุกลามจนกลายเป็นมะเร็งตับร้ายได้
ฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ PM 2.5 (Particulate Matter ขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน) เป็นปัญหามลพิษทางอากาศที่รุนแรงในปัจจุบัน โดยอนุภาคเหล่านี้มีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และเล็กกว่าเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์ถึง ประมาณ 25 เท่า ความเล็กนี้ทำให้ฝุ่นสามารถแทรกซึมเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ลึกไปจนถึงถุงลมปอด และบางส่วนยังสามารถผ่านเข้าสู่กระแสเลือดได้โดยตรง
แหล่งกำเนิด PM 2.5
- การเผาไหม้เชื้อเพลิงจาก ท่อไอเสียรถยนต์ โดยเฉพาะรถดีเซล
- การผลิตและกระบวนการทาง โรงงานอุตสาหกรรม
- การเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ เช่น การเผาขยะ เผาไร่ และไฟป่า
- แหล่งกำเนิดรอง (Secondary PM) ที่เกิดจากการรวมตัวของก๊าซมลพิษในบรรยากาศ เช่น ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์
องค์ประกอบและอันตราย
PM 2.5 มักมีสารพิษปนเปื้อนหลายชนิด เช่น โลหะหนัก (ปรอท แคดเมียม ตะกั่ว), สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย และสารก่อมะเร็ง เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะสะสมและสร้างความเสียหายได้หลายระบบ เช่น
- ระบบทางเดินหายใจและปอด : ทำให้เกิดอาการไอ หอบ หายใจลำบาก และโรคหอบหืดกำเริบ
- ระบบหัวใจและหลอดเลือด : เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจขาดเลือด ความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดสมอง
- ระบบประสาท : สารโลหะหนักอาจทำลายเซลล์ประสาท ทำให้ความจำเสื่อม อัมพาต หรือโรคทางสมอง
- ตับและระบบขับสารพิษ : การได้รับสารพิษสะสม เช่น แคดเมียมและปรอท อาจก่อให้เกิด ภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง และเสี่ยงกลายเป็นมะเร็งตับ ในระยะยาว
ผลกระทบระยะยาว
สิ่งที่น่ากังวลคือ PM 2.5 ไม่ได้สร้างปัญหาชั่วคราว แต่สามารถ สะสมในร่างกาย และก่อให้เกิดโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็งปอด มะเร็งตับ โรคหัวใจ และโรคทางสมองได้ นอกจากนี้ยังเป็นภัยเงียบที่กระทบต่อเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัวมากที่สุด
วิธีลดความเสี่ยง
- ติดตามค่าฝุ่นในแต่ละวัน หากค่า PM 2.5 สูงควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมนอกบ้าน
- ใช้หน้ากากอนามัยชนิด N95 หรือเทียบเท่า เพื่อกรองฝุ่นได้จริง
- ใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA ภายในบ้าน
- รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผัก ผลไม้ และดูแลสุขภาพตับซึ่งเป็นด่านแรกในการขับสารพิษ
- หลีกเลี่ยงการเผาขยะหรือกิจกรรมที่ก่อให้เกิดควัน
ฝุ่นละอองขนาดเล็กนี้ เข้าสู่ร่างกายผ่านทางจมูกและปาก โดยจะผ่านเข้าไปทางช่องทางเดินหายใจจนเข้าไปถึงถุงลมในปอด ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของปอดลดลง การแลกเปลี่ยนอากาศ น้อยลง ส่งผลให้หายใจสั้นและหัวใจทำงานหนักมากขึ้นเพื่อทดแทนปริมาณการแลกเปลี่ยนก๊าซที่ลดลงไป อันตรายจากฝุ่น PM 2.5 ที่เราอาจไม่รู้จนไม่ได้ระวังตัวคือ การกระตุ้นให้เซลล์เกิดการอักเสบ โดยการเหนี่ยวนำให้โปรตีนชื่อ TGF-B ทำงานเพิ่มขึ้น จนมีการสร้างคอลลาเจนสะสมเกินพอดี และเป็น 1 ในสาเหตุที่ทำให้เกิด พังผืดในตับ ซึ่งพังผืดในตับ คือ จุดเริ่มต้นในการนำไปสู่ ภาวะตับแข็งและมะเร็งตับในอนาคตได้

