ตับมีปัญหา ไม่สามารถทำงานกับร่างกายของเราจะเป็นอย่างไร

ตับมีปัญหา ถ้าเราไม่สูญเสียสิ่งไหน เราคงไม่เห็นคุณค่าสิ่งนั้น คำนี้ใช้กับ ตับ ของเราได้ เพราะคนส่วนใหญ่อาจละเลยสุขภาพตับ จนรู้ตัวอีกที ก็สายเกินไป ไม่สามารถรักษาตับหรือแม้กระทั่งรักษาสุขภาพของตัวเองไว้ได้

ตับ คือ ตับเปรียบเสมือนโรงงานของร่างกายที่ทำงานตลอด 24 ชม. โรงงานที่ทำงานไม่เคยหยุดแม้ช่วงที่เราหลับต้องทำต่อเนื่องมากมายหลายร้อยงานแต่งานสำคัญหลักๆ มีด้วยกัน 3 หน้าที่

1. ผลิตและแปรรูป กลูโคส โปรตีนในเลือด สารที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว วิตามินดี น้ำดี

2. กักเก็บ พลังงานไว้ใช้เมื่อร่างกายต้องการหรือมีภาวะฉุกเฉิน

3. กำจัด เชื้อโรค สารพิษตกค้างในกระแสเลือด

แต่ถ้าหากโรงงานตับ ปิดกิจการ หยุดทำงานจะเกิดอะไรขึ้นมาดูกันว่าถ้า ตับมีปัญหา ไม่ทำงาน เราจะเป็นอย่างไร

ตับ ทำหน้าที่ ผลิต

เริ่มกันที่ส่วนแรก เมื่อฝ่ายผลิตในตับหยุดทำงาน ส่งผลต่อร่ากายดังนี้ ถ้าตับไม่ทำงาน ร่างกายจะอ่อนเพลียอย่างไม่ทราบสาเหตุ จนถึงขั้นเป็นลมหมดสติได้เพราะตับทำหน้าที่ย่อยคาร์โบไฮเดรตเปลี่ยนเป็นน้ำตาล เพื่อเป็นพลังงานให้ร่างกาย น้ำดีถูกผลิตขึ้นจากเซลล์ตับมีหน้าที่ทำลายสภาพความเป็นกรดในลำไส้ ช่วยย่อยอาหารประเภทไขมัน ถ้าน้ำดีมีปัญหาจะรบกวนระบบทางเดินอาหาร ปวดท้องส่วนบนด้านขวา คลื่นไส้ หรือมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง (ดีซ่าน) โปรตีนในเลือดที่ตับผลิตมีหน้าที่ลำเลียงกรดไขมัน ถ้าเกิดความผิดปกติ อาจทำให้ไขมันสะสม อุดตัน ถ้าเกิดในตับ อาจทำให้เกิดไขมันพอกตับ ตับอักเสบ จนลุกลามเป็นตับแข็งได้ ถ้าการผลิตลิ่มเลือดมีปัญหาจากตับ เลือดอาจหยุดไหลช้า เช่น คนที่ดื่มสุราหนักอาจก่อให้เกิดแผลในทางเดินอาหาร เลือดไหลจากภายในร่างกาย แข็งตัวไม่ทันจนอาจถึงแก่ชีวิตได้ และถ้าตับมีปัญหาจนกระทบการผลิตวิตามินดี อาจส่งผลให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุนและโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้

ตับ ทำหน้าที่ กักเก็บ

และถ้าฝ่ายกักเก็บในตับหยุดทำงาน ตับมีหน้าที่เปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตเป็นน้ำตาลเพื่อใช้เป็นพลังงานให้ร่างกาย ส่วนน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตส่วนเกิน ตับจะแปรรูปและกักเก็บไว้เป็นพลังงานสำรอง ที่เรียกว่า ไกลโคเจน แต่ถ้า ตับมีปัญหา การกักเก็บพลังงานสำรองต่ำ เมื่อร่างกายใช้พลังงานมากหรือได้รับพลังงานน้อยกว่าที่ใช้ อาจก่อให้เกิดกล้ามเนื้ออ่อนแรงเนื่องจากร่างกายไปดึงไกลโคเจนที่สะสมในกล้ามเนื้อออกมาใช้ทดแทนหรือหมดแรง เพลีย จนถึงขั้นหมดสติ เสี่ยงต่อระดับน้ำตาลในเลือดไม่ปกติ ส่งผลต่อการสั่งงานระหว่างประสาทและสมอง อาจทำให้ขาดสติ หรือเกิดอาการเพ้อ ตัวลอยได้

ฝ่ายกักเก็บไม่ทำงาน ทำให้ ตับมีปัญหา

ตับ ทำหน้าที่ กำจัด และสุดท้ายถ้าฝ่ายกำจัดในตับหยุดทำงานก็ส่งผลร้ายต่อร่างกายเช่นกัน อีกหนึ่งหน้าที่สำคัญของตับคือการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย ทั้งกำจัดด้วยตับเองและส่งต่อไปยังอวัยวะต่างๆ เช่น ไต เพื่อกำจัดออกทางปัสสาวะ ลำไส้ใหญ่ กำจัดออกทางอุจจาระ หรือส่งต่อไปที่ผิวหนัง เพื่อกำจัดออกทางเหงื่อ เป็นต้น ถ้าตับมีปัญหาหรือหยุดทำงาน สารพิษที่มากับกระแสเลือดก็จะสะสมในร่างกาย เกิดอนุมูลอิสระทำลายเซลล์สำคัญ รบกวนโครงสร้างดีเอ็นเอ ซึ่งอาจรุนแรงจนกลายเป็นมะเร็งในส่วนต่างๆ ที่มีสารพิษสะสมเป็นจำนวนมาก ถ้ามีสารพิษสะสมเกินความสามารถในการกำจัดของตับ เซลล์ตับถูกทำลายจนตับอักเสบ เกิดภาวะพังผืด ตับแข็งและในที่สุดอาจก่อให้เกิดมะเร็งตับจนถึงขั้นเสียชีวิตได้

สรุป ตับมีปัญหา

ด้วยภาระหน้าที่อันมากมายของตับที่ต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมงซึ่งส่งผลต่อร่างกายโดยตรงหันมาดูแลตับกันตั้งแต่วันนี้ดีกว่าต้องมารักษาตับในวันหน้า เพราะถ้าตับหยุดทำงาน นั่นแปลว่าชีวิตของเราก็หยุดไปด้วย มาร่วมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้สุขภาพตับแข็งแรง ง่ายๆ คือ

เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่
ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่เป็นโรคอ้วน
พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6 ชม.
ออกกำลังกายเป็นประจำ
ไม่ดื่มเหล้า แอลกอฮอล์
หลีกเลี่ยงมลภาวะ สารพิษ
ไม่กินยาโดยไม่มีความจำเป็น
หมั่นตรวจสุขภาพของตับเป็นประจำเพื่อดูค่า ALT AST

อาหารเสริมบำรุงตับ นอกจากนี้ยังมีตัวช่วยจากธรรมชาติในในการดูแลสุขภาพตับอย่าง Hepheka เฮฟฟีก้า นวัตกรรมอาหารเสริมที่ได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่า สามารถแก้ปัญหาตับได้ถึงระดับเซลล์ ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ “พรูนัส มูเม่” (Prunus mume) ลิขสิทธิ์เฉพาะใน Hepheka เฮฟฟีก้า ที่มีกรดโอลีโนลิกและกรดเออโซลิก ซึ่งเป็นสารไตรเทอร์พีนอยด์ 2 ตัว โดยเป็นที่รู้จักกันดีในคุณสมบัติที่ออกฤทธิ์เพื่อปกป้องตับของคุณได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุด จึงถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้คุณประโยชน์ต่อตับได้อย่างแท้จริง