อาการโรคตับเริ่มแรก เป็นสิ่งที่ควรได้รับความใส่ใจ ก่อนที่จะเป็นภัยทำร้ายตับไปมากกว่าเดิม มาทำความรู้จักอวัยวะชิ้นสำคัญชิ้นนี้กันก่อนครับ ตับ (Liver) คืออวัยวะขนาดใหญ่ทำหน้าที่มากมาย ทั้งกรองสารพิษ เผาผลาญอาหาร เปลี่ยนแปลงสารอาหาร และสร้างน้ำดีเพื่อย่อยไขมัน แต่มันกลับเป็นอวัยวะที่ถูกละเลย กว่าจะรู้ว่าได้ตับมีปัญหา ก็มักจะเข้าสู่ระยะอันตรายแล้วครับ
ดังนั้นเราควรทำความรู้จักกับ อาการโรคตับเริ่มแรก เป็นเหมือน “สัญญาณเตือน” ที่ร่างกายส่งมาให้เรารับรู้ แต่หากละเลยอาจพัฒนาไปสู่ ตับแข็ง หรือ มะเร็งตับ ซึ่งเป็นโรคร้ายแรงที่คร่าชีวิตคนไทยจำนวนมากครับ
โรคตับ เส้นทางอันตรายสู่มะเร็ง
โรคตับคือความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับอวัยวะตับ ไม่ว่าจะเป็นจากการอักเสบ การสะสมไขมัน หรือการทำงานที่เสื่อมถอย เมื่อเซลล์ตับได้ถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ประสิทธิภาพถดถอยลง ตับพยายามฟื้นฟูตัวเองให้เหมือนเดิม แต่กลับเกิดพังผืดและสูญเสียความสามารถในการทำงานไปแทน
มาดูลำดับการเปลี่ยนแปลงของโรคตับกันครับ ว่ามีสเตปอย่างไรบ้าง
- ไขมันพอกตับ (Fatty Liver / NAFLD) เกิดมาจากการใช้ชีวิตอย่างการกินอาหารประเภทของทอด ของมัน น้ำตาลสูง จนมันเปลี่ยนสภาพเป็นไขมันไปเกาะอยู่ที่ตับ จนทำให้ตับเริ่มทำงานผิดปกติ และเข้าสู่ขั้นของตับอักเสบได้
- ตับอักเสบ (Hepatitis) – เกิดได้จากจากเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดต่างๆ ไขมันที่พอกอยู่ที่ตับ ใช้ยาติดต่อกันนาน หรือกินสมุนไพรบางชนิดมากเกินควรหรือใช้ผิดวิธี รวมไปถึงแอลกอฮอล์ศัตรูตัวฉกาจที่เป็นภัยต่อตับ สาเหตุเหล่านี้ที่เป็นตัวกระตุ้นให้ตับเกิดการอักเสบจนเรื้อรังได้
- พังผืดตับ (Fibrosis) – เมื่อตับเกิดการอักเสบ เซลล์ตับถูกทำร้ายอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาหนึ่ง เซลล์ตับก็จะพยายามซ่อมแซมตัวเองเรื่อยๆ แต่กลับกลายเป็นเนื้อเยื่อแผลเป็น หรือพังผืด ทำให้เสียหายและทำงานไม่ปกติ
- ตับแข็ง (Cirrhosis) – สเตปนี้คือระยะที่โครงสร้างตับเปลี่ยนถาวร เนื่องจากที่ตับเสียหายรุนแรง ไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่ ยากที่จะทำการรักษา และมีความเสี่ยงสูงที่จะกลายเป็นมะเร็งตับ
- มะเร็งตับ (Hepatocellular Carcinoma) – เกิดจากการกลายพันธุ์ของเซลล์ตับที่ถูกทำลายเรื้อรัง เริ่มแบ่งตัวแบบผิดปกติ จนกลายสภาพเป็นเซลล์มะเร็ง ท้องบวม ตาเหลืองตัวเหลือง สามารถคลำท้องแล้วพบกับก้อนเนื้อได้เลยก็ว่าได้ แถมมีอาการเจ็บปวดอีกด้วยครับ
ที่สำคัญมีสถิติยืนยันออกมาแล้วด้วยนะครับ ว่าโรคมะเร็งตับติดอันดับ 1 ใน 5 ของโรคมะเร็งที่คร่าชีวิตคนทั่วโลก และในประเทศไทยพบผู้ป่วยจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะ ไขมันพอกตับ และผู้ติดเชื้อ ไวรัสตับอักเสบบี/ซี
อาการโรคตับเริ่มแรก 7 สัญญาณเตือน
อาการโรคตับเริ่มแรก แม้จะดูว่าไม่รุนแรงมาก แถมยังดูเป็นอาการที่เบสิคทั่วไปจนทำให้คุณเผลอละเลยโดยไม่ตั้งใจ มาดูกันครับ ว่าอาการตับเบื้องต้นมีอะไรบ้าง
- อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เกิดจากที่ตับแปลงสารอาหารเป็นพลังงานไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนแรงและหมดเรี่ยวแรงง่ายกว่าปกติ
- เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ตับไม่สามารถผลิตน้ำดีได้เพียงพอสำหรับการย่อยอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมัน จึงทำให้เกิดอาการเบื่ออาหาร และน้ำหนักลดลงอย่างต่อเนื่อง
- ท้องอืด แน่นท้อง เกิดจากภาวะการย่อยและดูดซึมอาหารผิดปกติ ทำให้รู้สึกแน่นท้อง ท้องอืด หรือคลื่นไส้หลังรับประทานอาหาร
- คันตามผิวหนัง เมื่อการทำงานของตับผิดปกติ การขับสารพิษและน้ำดีไม่ดีพอ น้ำดีจึงไหลเวียนเข้าสู่กระแสเลือดและไปกระตุ้นปลายประสาท ทำให้เกิดอาการคันตามผิวหนัง
- ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระซีด เกิดจากตับขับบิลิรูบิน (ของเสียจากเม็ดเลือดแดง) ได้ผิดปกติ ทำให้ปัสสาวะมีสีเข้มและอุจจาระมีสีซีดกว่าปกติ
- ตาเหลือง ตัวเหลือง เนื่องจากสารบิลิรูบินไม่ถูกตับกำจัดออกจากร่างกาย จึงสะสมอยู่ในกระแสเลือด ทำให้ผิวหนังและดวงตาเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
- ปวดท้องชายโครงขวา เมื่อเกิดภาวะตับอักเสบ ตับจะขยายตัวและไปกดทับอวัยวะข้างเคียง ส่งผลให้รู้สึกเจ็บแปล๊บหรือปวดแน่นบริเวณชายโครงด้านขวา
ดังนั้นตัวคุณเองก็ต้องคอยสังเกตอาการเหล่านี้ให้ดี หากพบมีอาการที่กล่าวมา 2–3 ข้อขึ้นไปต่อเนื่อง ควรรีบตรวจสุขภาพตับโดยด่วนเลยนะครับ
ปัจจัยเสี่ยงทำให้ตับพังแบบไม่รู้ตัว
ต้นตอที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำร้ายตับโดยตรงที่คุณไม่คาดคิด กลับเป็นกิจวัตรที่คุณทำจนเคยชินนั้น เรียกได้เลยว่าเป็นพฤติกรรมที่ทำให้เสี่ยงต่อโรคตับได้ ดังนี้ครับ
- ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ทำลายเซลล์ตับโดยตรง เพราะแอลกอฮอล์ถูกเปลี่ยนเป็นสารพิษในตับ ทำให้เซลล์ตับเสื่อมและเกิดพังผืดเร็วขึ้น
- กินอาหารไขมันสูง ของทอด ของหวานจัด เสี่ยงไขมันพอกตับ เพราะไขมันและน้ำตาลส่วนเกินสะสมในตับ จนรบกวนการทำงานและเพิ่มการอักเสบ
- นอนดึก พักผ่อนน้อย ทำให้การซ่อมแซมตับลดลง เพราะตับมีกระบวนการฟื้นฟูตอนนอนหลับลึก การอดนอน ไม่ได้พักผ่อน จึงเป็นการขัดขวางการซ่อมแซมของตับ
- ใช้ยาบางชนิดต่อเนื่อง/ปริมาณมาก เช่น ยาแก้ปวดบางชนิด ยาลดไขมัน เพราะยาหลายชนิดถูกสลายที่ตับ หากใช้เกินขนาดอาจทำให้เซลล์ตับอักเสบหรือเสื่อมได้
- ไม่ออกกำลังกาย เพิ่มโอกาสสะสมไขมันในตับ ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้น้อย ไขมันจึงสะสมในตับและช่องท้องมากขึ้น
- ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ไวรัสค่อยๆ ทำลายเซลล์ตับทีละน้อย กว่าจะรู้ตัวอาจลุกลามเป็นตับอักเสบเรื้อรัง หรือมะเร็งตับการ
ทางที่ดีหากคุณหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ได้ ก็ถือเป็นการลดความเสี่ยงโรคตับได้อย่างมีนัยสำคัญ
ทำอย่างไรเมื่อสงสัยว่าเป็นโรคตับ
อาการโรคตับเริ่มแรก เมื่อรู้ตัวแล้วว่าตนเองมีอาการต่างๆ หรือหากต้องการป้องกันก่อนเกิดเหตุเหล่านี้ แนะนำให้เริ่มดูแลตัวเองเบื้องต้นดังนี้ครับ
- ตรวจสุขภาพประจำปี – โดยเฉพาะการตรวจค่าตับ (AST, ALT) และอัลตราซาวด์ตับ เพื่อให้เช็คให้ชัวร์ว่ามีความผิดปกติของตับหรือไม่
- ปรับพฤติกรรมการกิน – ลดอาหารมันจัด ของทอด ของหวาน แอลกอฮอล์ เพิ่มอาหารประเภทผักผลไม้ และโปรตีนคุณภาพดี
- ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม – ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายหนัก อาจเลือกเป็นวิธีเดินเร็ว ว่ายน้ำ โยคะ ก็ช่วยลดไขมันในตับได้เช่นกัน
- พักผ่อนให้เพียงพอ – อย่างน้อย 7–8 ชั่วโมงต่อวัน เพราะช่วงเวลาที่คุณหลับก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ตับต้องฟื้นฟูตัวเอง เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่แข็งแรง
- ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ – เป็นสิ่งที่จำเป็นมากนะครับ โดยเฉพาะไวรัสตับอักเสบบี เพราะเป็นเชื้อไวรัสที่มีความเสี่ยงสูงที่จะพัฒนาไปเป็นมะเร็งตับได้ครับ
อาการโรคตับเริ่มแรก ดูแลด้วยอาหารเสริมที่ได้คุณภาพ
แม้การปรับพฤติกรรมคือหัวใจหลักในการดูแลตับให้สุขภาพดี แต่การใช้ อาหารเสริมบำรุงตับ ที่มีงานวิจัยรองรับก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ช่วยดูแลตับได้อีกระดับหนึ่ง ซึ่งควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน อย. รับรอง ผ่านการทดสอบ วิจัยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีแหล่งที่มาชัดเจน เพื่อความปลอดภัย
เฮฟฟีก้า อาหารเสริม บำรุงตับ ตอบโจทย์ทั้งเรื่องคุณภาพและเห็นผลได้จริง นวัตกรรมอาหารเสริมบำรุงตับจากเบลเยียม หนึ่งเดียวที่ตอบโจทย์ในทุกเรื่อง เพราะ เฮฟฟีก้า เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจากทั้ง อย.ไทย รวมไปถึงมาตรฐานต่างๆระดับสากล ทั้งยังมีงานวิจัยทางการแพทย์รับรอง ว่าเห็นผลได้จริงในคน ได้ตีพิมพ์ลงใน Phytotherapy Research หรือวารสารทางการแพทย์ด้านวิทยาศาสตร์ ที่ได้รับความน่าเชื่อถือระดับสูง จนเป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ นอกจากนั้น เฮฟฟีก้า ยังได้เข้าไปจำหน่ายในโรงพยาบาลและร้านขายยาชั้นนำ ซึ่งเป็นที่น่าไว้วางใจ ทั้งยังได้รีวิวจากผู้ใช้จริงอีกมากมาย
ด้วยสารสกัดจาก ซุปเปอร์ฟรุต แห่งเอเชียอย่าง “พรูนัส มูเม่” สารสกัดหลักหนึ่งเดียว ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ เฮฟฟีก้า โดยมีสารสำคัญออกฤทธิ์ คือ กรดโอลีโนลิก และ กรดเออโซลิก ซึ่งเป็นสารไตรเทอร์พีนอยด์ 2 ตัว ที่มีคุณสมบัติออกฤทธิ์เพื่อปกป้องตับของคุณได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ลงวารสารทางการแพทย์ จนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ที่มีการพิสูจน์แล้วว่า มีความสามารถในการปกป้องเซลล์ตับ ต่อต้านอนุมูลอิสระ เข้าไปฟื้นฟูและบำรุงตับได้ลึกถึงระดับเซลล์ เปรียบเสมือนเป็นเกราะป้องกันร่างกายชั้นดี จากสารพิษภายนอกที่พร้อมจะเข้ามาทำลาย จึงมั่นใจได้ว่าตับของเราจะปลอดภัยอย่างแน่นอน
อีกทั้งยังช่วยทั้งเรื่อง ควบคุมระดับไขมันใน เลือดลดไขมันพอกตับ ลดการอักเสบขอบตับ โดยเข้าไปยับยั้งสารสื่อกลางในการอักเสบ ลดคลอเลสเตอรอล และไขมันไตรกลีเซอไรด์ กระตุ้นอนุมูลอิสระ และลดตัวกลางในการเกิดการอักเสบ ของเอนไซม์ตับทั้ง ALT และ AST ช่วยเพิ่มไขมันดี ลดไขมันเลว รวมไปถึงเรื่องอาการอ่อนเพลีย ท้องอืด นอนไม่หลับ เจ็บชายโครง ทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้น นอนหลับได้ลึกขึ้น